
.
ก่อนอื่น ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง กับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ผมก็ดันรับคำมันไปแล้วนี่สิครับ ผมเองเป็นช่างสัก ผมเริ่มรักศิลปะมาตั้งแต่ช่วงประถมแล้ว พอเริ่มขึ้นม.ต้น ฝีมือของผมก็พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด ลายเส้นในการวาดภาพของผมมีใครต่อใครชื่นชมมากๆ รุ่นพี่และคนรู้จักหลายคนเข้ามาหาให้ช่วยออกแบบรอยสักให้ตั้งแต่ผมยังไม่จบม.สามด้วยซ้ำ นั่นทำให้ผมมีเงินเป็นกอบเป็นกำตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เพราะราคาของการออกแบบพวกนี้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เดือนๆ หนึ่งผมมีเงินหมื่นใช้แบบสบายมือกันเลยทีเดียว
พอเริ่มขึ้นม.ปลาย ผมก็เริ่มหัดสัก จากหนังหมู และจากคำแนะนำต่างๆ มาเรื่อยๆ แล้วเริ่มทดลองกับคนที่อยากสัก กลายเป็นว่าหลายๆ คนชอบลายเส้นของผมมากๆ บอกว่าผมมีพรสวรรค์ ที่ใช้เข็มสักแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะลายยากง่ายแค่ไหนก็ทำออกมาได้หมด นั่นทำให้ ผมเลือกที่จะเรียนจบแค่ปวส.แล้วออกมาเปิดร้านสักตามความฝันและความถนัด จนเวลานี้เพิ่งผ่านมาได้สามปีเอง ผมก็กลายเป็นคนที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว มีบ้านหลังเล็กๆ ที่ไม่ต้องผ่อน มีรถเก๋งที่ซื้อเงินสด และมีคิวงานยาวไปอีกจนถึงสิ้นปีแล้วชิลล์ๆ โดยไม่ต้องสนใจหรือกังวลเลยว่าจะตกงานไหมนั่นเอง
แต่เรื่องที่ผมจะเอามาเล่าให้ฟังนี้คือเรื่องของผมกับเพื่อนสนิทของผม ไอ้ปอ ที่มันขอมาให้ผมแก้รอยสักที่แขนให้ แล้วก็สักเพิ่มที่ขาให้ ไอ้จะแก้รอยสักที่แขนนี่ผมไม่ติดหรอกครับ เพราะมันเป็นรอยสักง่ายๆ ที่ให้เพื่อนสักแบบเลอะๆ เทอะๆ ตอนที่เมา แต่ไอ้ที่ขานี่สิครับ…มันให้สักที่ขาอ่อน…แล้วมันก็ใกล้
นั่นแหละครับ
บอกก่อนว่าถ้าเป็นลูกค้าคนอื่น จะมาแก้ผ้าให้สักผมก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละครับ แต่กับไอ้ปอที่ผมชอบมันมาตั้งแต่ม.2 ที่มันย้ายเข้ามาใหม่ ผมบอกได้คำเดียวเลยว่า ไม่รู้สึกไม่ได้แล้วครับ มันเป็นคนที่ผิวขาว หน้าตี๋ ตาชั้นเดียว เอาเป็นว่ามันเป็นสเป็คผมเลยละครับ แต่ถ้าถามว่ามันรู้ไหมว่าผมชอบ มันก็คงรู้แหละมั้งครับ เพราะว่ามันก็ชอบมาทำท่าทางอ่อยๆ ผมอยู่บ่อยๆ พูดจาก้อร่อก้อติกเหมือนคนกำลังจีบกันอยู่ แต่ผมก็พยายามเมินเฉย เพราะมันเป็นคนเฟรนด์ลี่ ผมเองก็ไม่ได้ชอบความเฟรนด์ลี่ของมันเท่าไหร่ เพราะคนที่แอบรักมักจะคิดไปเองเสมอๆ นั่นแหละครับ
กระทั่งวันที่นัดกัน ผมจัดการแก้ลายสักที่แขนให้มันจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เป็นรอยสักรูปปลาคาร์ฟที่ขา ผมเองละล้าละลังอยู่เหมือนกัน ทำอะไรก็เกร็งไปหมด ถึงจะมีผ้าผืนบางคลุมอยู่ก็เถอะ
“เอาสวยๆ นะมึง…ปลาคาร์ฟมันจะได้อยู่กับงูดิน”
“เข้ากันตายละ” ผมหันไปมองมัน “เดี๋ยวกูสักให้ยันงูเลยมั้ยล่ะ จะได้เป็นงูเหลือมไปเลย ลายมะเลื่อม”
มันหัวเราะร่วน “อยากสักหรืออยากจับ…”
“ไอ้…” ผมอยากจะด่า แต่ก็ด่าไม่ออก กลายเป็นว่านั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้ามันนั่นแหละ “แม่ง…”
“เมื่อไหร่จะบอกชอบกูสักที”
“ฮึ ???” อยู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาแบบนั้น ผมก็สะดุ้งสิครับ ไม่คิดว่ามันจะถามอะไรแบบนั้นออกมาแบบโต้งๆ “เชี่ยไรของมึงเนี่ยไอ้ปอ ?”
“ก็มีแต่คนบอกว่ามึงชอบกู…กูก็รอให้มึงมาสารภาพรักกับกูอยู่เนี่ย มึงก็ไม่มาสักที” มันว่า “แล้วล่าสุดกูได้ข่าวว่ามีลูกค้ามาก้อร่อก้อติก จะมาจีบมึง ไอ้เชี่ย แล้วกูก็รออยู่ เกิดมึงไปตกหลุมรักเขาก่อนแล้วกูก็รอเงกเงี้ยเหรอ ?”
“แล้วมึงไม่พูดเองล่ะ ?”
“ก็มึงชอบกูก่อน…มึงก็บอกก่อนดิวะ ?” มันว่า “กูรอมาตั้งนาน มึงก็ไม่พูดเลย มึงจะแอบชอบกูไปถึงไหน เกิดมีสาวๆ เคลมกูไปก่อนมึงจะรับได้เหรอวะ ?”
“กูชอบมึง…ชอบจนไม่ไหวแล้ว กูชอบจนไม่รู้จะชอบยังไง แต่กูก็ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงเหมือนกัน ถ้าวันนี้กูบอกมึงแล้ว มึงจะทำยังไงกับกู…”
มันยิ้ม “ขึ้นไปชั้นสองกัน…”
“ฮึ ???”
“ชั้นสองไง…รอมานานขนาดนี้ กูต้องรออีกป่ะ ?” มันทำท่ากวนประสาท “ไม่อยากเป็นของกูเหรอ หือ…ว่าไง ถึงเวลาแล้วนะ”
ผมมองหน้ามันอยู่ ในหัวมีแต่เรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมด ก่อนที่ผมจะปิดเครื่องสัก…
. . . . . . . . . .
“ประหม่าเหรอ ?” เขาถามผมในตอนที่ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของผมออกช้าๆ แล้วดึงเสื้อยืดของผมขึ้น เขาจับบ่าผมเอาไว้แล้วมองหน้าผมนิ่งๆ
“ปะ เปล่า”
“ไม่มีเวลาให้ประหม่าแล้วนะ…กูมาถึงตรงนี้แล้ว กูไม่ปล่อยมึงเด็ดขาด” เขาพูดแล้วโน้มใบหน้าลงมา ผมหลับตาลงช้าๆ ด้วยความตื่นเต้น หัวใจสั่นรัวด้วยความรู้สึกมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในหัว ถามตัวเองบ่อยๆ ว่านี่เป็นความจริงหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นสัมผัส กลิ่นกาย ลมหายใจ เสียง และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ถ้าจะหนีก็ไปตอนนี้เลย…หรือก็ไล่กูออกไป”
“กูเป็นของมึง…” ผมพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบมันเบาๆ ก่อนที่ไม่นานนัก มันจะดึงผมเข้าไปจูบอย่างหนักหน่วงและรุนแรง ปลายลิ้นของมันค่อยๆ แทรกเข้ามาในปากผม เปลี่ยนผ่านลมหายใจ เกี่ยวกระหวัดด้วยความเร่าร้อน จนเหมือนผมกำลังจะละลายไปในความจริงที่ราวกับความฝัน ผมเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อให้จูบเขาได้อย่างถนัด ปอประคองใบหน้าผมขึ้นไปจูบ แล้วจึงถอดเสื้อตัวเองในระหว่างนั้น ก่อนจะตามด้วยถอดกางเกงออก และกางเกงในตัวบางที่ปิดกั้นความปรารถนาทุกๆ อย่างเอาไว้ จนตอนนี้ ที่เขาผละออกจากจูบที่แสนหวานนั้น เขาก็นั่งลงที่เตียง แล้วแยกขาออก
“กูก็เป็นของมึง…” เขายิ้ม แล้วดึงผมเข้าไปหา ผมยอมรับว่าประหม่า แต่ว่าไม่ยอมอีกแล้วที่จะปล่อยให้ทุกๆ อย่างมันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย ผมคุกเข่าลง แก่นกายของเขายังคงหลับใหล มือสั่นระริกตอนที่ไปคว้าสิ่งนั้นขึ้นมากำไว้ ก่อนจะชักรูดรั้งเบาๆ ไม่นานมันก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น และแข็งขืนคามือของผม ส่วนปลายถูกชักรูดลง เผยให้เห็นส่วนที่ถูกเร้นไว้ น้ำใสๆ ไหลเยิ้มส่วนปลายออกมาจากรูเสียวนั้น ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แล้วก้มหน้าลงไปอมแก่นกายนั้นที่แสนปรารถนาทันที