
“ไม่ต้องมาหากู…” นั่นคือคำแรกที่ผมบอกกับไอ้ “กลด” เพื่อนรุ่นน้องของผม ที่ผมพยายามจะเป็นเพื่อนกับมันให้ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไปไม่รอดจริงๆ เพราะผมสารภาพรักมันไปแล้ว เมื่อหลายเดือนก่อน ผมกับมันรู้จักกันผ่านรุ่นพี่ของผมอีกคนหนึ่ง ผมก็รู้นั่นแหละ ว่ามันเป็นชายแท้ ไม่ใช่เกย์อย่างผม ไม่มีอะไรจะให้คิดเกินเลยได้สักนิดเดียวว่ามันจะมีใจให้ แต่ด้วยความที่เวลาเราชอบใคร เราก็จะมักอยากอยู่ในชีวิตของเขา จนไปๆ มาๆ ผมกลายเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจเสียอย่างนั้น แล้วข้อเสียของมันก็คือ ยิ่งเรารู้เรื่องราวแย่ๆ ของเขาเท่าไหร่…เราก็อยากดูแลเขามากเท่านั้น
ผมเลยสารภาพรักมันไป ในวันนั้นที่มันทะเลาะกับแฟนหนักมาก
มันไม่ตอบอะไรผมเลย แล้วหายไปจากชีวิตผมเสียอย่างนั้น ก่อนที่สองวันต่อมามันกับแฟนจะคืนดีกัน เอาเพชรดีกรีป้อนผมไปหลายกระสอบ แล้วจากคนที่เคยกดไลก์กันไปมา ทักหากันทุกวัน อรุณสวัสดิ์ตอนเช้า บอกฝันดีก่อนนอน เราก็เป็นแค่เพียงคนที่ส่องเฟสบุ๊กกันไปมาเท่านั้นเอง กระทั่งผมได้ข่าวว่ามันมีแฟนใหม่แล้ว แล้วสองสามวันก่อนก็ทะเลาะกันแรงมากๆ กระทั่งผู้หญิงเอาขวดเบียร์ตีหัวมันแตกเลย เย็บไปเกือบสิบเข็ม ผมก็เป็นห่วง…แต่ก็ได้แค่ห่างๆ
กระทั่งเมื่อกี้มันทักมา “ผมไปหาพี่ได้ไหม…”
“ไม่ต้องมาหากู” นั่นคือคำที่ผมตอบมันไป หายไปตั้งนานสองนาน จนผมชินกับการไม่มีมันในชีวิตแล้ว แต่วันนี้มันดันเลือกที่จะกลับมาทำอะไรแบบนี้กับผม ไม่ชอบเลยสักนิดเดียว ผมเคยอยากจะเป็น แม้แค่ที่ปรึกษา…แต่สำหรับตอนนี้ ถ้าไม่เจอกันได้ก็คงดี “ไม่มีคนอื่นให้ไปหาหรือไง ?”
“มีอะไรอยากคุยด้วย”
“กูไม่มี…ไม่ว่างเจอหรอก ไม่ต้องมาหรอก” ผมตอบเท่านั้น แม้ว่าแชทจะเด้งอีกหลายต่อหลายครั้งก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้เปิดอ่านแล้วตอบอะไรไป ทำทุกๆ อย่างเพลินๆ ให้ลืม แต่ปรากฏว่ามันมาหาผมที่หน้าประตูห้องพักแล้ว แล้วพอผมเห็นมันที่หน้าประตู…ผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะเปิดประตูให้มัน แผลที่หน้าผากมันยังใหม่ ยังบวมๆ อยู่บ้าง สีหน้ามันไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้ถาม แค่เอาน้ำมาวางให้ตามประสาเจ้าของบ้าน แล้วนั่งดูหนังต่อ
“ไม่ถามผมจริงๆ เหรอ ?”
“ให้ถามว่าอะไร ?” ผมพูดโดยไม่ได้หันไปหามันด้วยซ้ำ เพราะกลัวใจตัวเอง
“ถามว่าทำไมผมโดนตี”
“ทำไมโดนตี…” ผมถือว่า…ผมถามแล้ว
“ผมบอกกับแฟนใหม่ผมว่า…”
“ช่างมันเถอะ…”
“ผมชอบพี่”
“ฮะ ???”
หลังจากนั้นก็กลายเป็นผมที่นั่งฟังเรื่องราวต่างๆ ของเขา มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากสำหรับกลด การที่ได้มาเป็นคนที่ผมชอบ ซึ่งก็เป็นผู้ชายด้วยกัน ซ้ำเขายังคบกับผู้หญิงมาทั้งชีวิต กระทั่งวันที่รู้ว่าผมชอบ ทุกๆ อย่างก็เปลี่ยนไป ความสุขของเขาหายไป แม้จะเลิกกับคนเก่าแล้วมีคนใหม่ พยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุดแล้วก็ตามที สุดท้ายการที่ผมหายไปมันก็เป็นเรื่องที่แย่ที่สุดสำหรับเขา ผมนั่งฟังอยู่ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่คิดฝันเท่าไหร่ แต่พอรู้แบบนั้น ความเจ็บปวดในใจก็หายไป ผมที่พยายามมูฟออนมาตลอดก็ยอมเขาตั้งแต่หน้าประตู…นั่งยิ้มคนเดียวเป็นบ้าเป็นหลัง
“มั่นใจแล้วใช่ไหม นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ…กูชอบมึงมากจริงๆ อย่าเข้ามาแค่รู้สึกแปลกใหม่”
“ผมอยู่กับความรู้สึกนี้มาสักพักแล้วพี่…ผมเลยมาหาพี่นี่ไง”
“แล้ว…”
“ผม…จูบพี่ได้ไหม ?”
“ได้เสมอ…” ผมยื่นหน้าเข้าไปหาเขาช้าๆ จ้องตาเขามากเท่าไหร่ใจก็สั่นมากเท่านั้น กระทั่งวินาทีที่ริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน รสจูบของเขาดูประหม่า เบาบาง อ่อนนุ่ม ก่อนที่จะเริ่มรุนแรงมากขึ้น ลึกล้ำมากขึ้น กลายเป็นจูบแลกลิ้นอย่างเร่าร้อน เราขยับร่างกายเข้าใกล้กันมากขึ้น ผมวางมือบนบ่าเขาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายก็ค่อยๆ ประคองท้ายทอยเพื่อดึงใบหน้าผมเข้าไปจูบ ลมหายใจผมขาดห้วงเป็นบางจังหวะ กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ แทรกอยู่ในสัมผัสของเราสองคน
กระทั่งเราผละออกจากกัน “รู้สึกดี…หรือเปล่า” ผมถาม
เขาไม่ตอบ แต่กลับโถมเข้ามาจูบอีกครั้งด้วยท่วงท่าและจังหวะที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่จะไล่ลงมาที่คอของผม
“ผม…หยุดไม่ได้แล้ว”
“ทำเถอะ…ถ้าต้องการ” ไม่ว่ามันจะจบดีหรือร้าย สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่ผมเองต้องการเหมือนกัน ผมค่อยๆ ปล่อยให้เขาเล้าโลมร่างกายของผมอย่างช้าๆ กระทั่งเราสองคนถอดเสื้อออกจนหมด ผมพลิกร่างเขาให้เป็นฝ่ายนอนลง แล้วพิงหมอนเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ดึงกางเกงเขาลง เผยให้เห็นสัดส่วนอ่อนไหว ความเป็นชายที่ค่อยๆ แข็งตัวขึ้นช้าๆ ต่อหน้าของผม
“มันไม่รู้สึกเลย…ตอนที่อยู่กับแฟนคนเก่า”
ก็น่าแปลกใจอยู่ แต่ผมแปลกใจมากกว่า ที่ตอนนี้ได้เห็นสัดส่วนที่แข็งขืนตั้งตรงอยู่ตรงหน้า ดุ้นเอ็นลำยาวสวย ผิวสีน้ำผึงประดับรอบด้วยเส้นเลือด ทันทีที่ชักรูดรั้งให้ส่วนปลายสีชมพูหวานเผยขึ้นมา น้ำหล่อลื่นสีใสก็ไหลปริ่มเยิ้มออกมาทันที ผมเงยหน้ามองเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชวนฝัน ทันทีที่ผมขับรูดรั้งแก่นกายของเขา ใบหน้าก็บิดเบี้ยวแล้วส่งเสียงลอดไรฟันมา
“ซี้ดดดด…”
ผมไม่รอช้าอีกแล้ว ค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นเลียไล้น้ำผึ้งสีใสรสหวานนั้นทันที