เรื่องเสียวเกย์ เล่าประสบการณ์เรื่องเสียวชายรักชาย เรื่องเล่าgay เรื่องเล่าgayจากทางบ้านบอกเล่าประสบการณ์ชายรักชายในมุมมองที่ต่างออกไป แหล่งรวมเรื่องเสียวเกย์ที่นี่ที่เดียว

เรื่องเล่าเกย์ บาริสต้าเขาชงเก่ง ตอนแรก

               ว่ากันว่าถ้าชอบใคร เวลาเขาขายอะไร ให้อุดหนุนอันนั้น คำนี้ใช้ได้จริงๆ นะครับ ผมลองมาแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่ผมจะเล่าสู่กันฟัง เผื่อเอาไปใช้ได้ แต่ไม่รับประกันนะครับ ว่าจะสำเร็จไหม เพราะกว่าผมจะได้แฟนคนนี้ก็ตาเหลือกตาแข็งไปเยอะอยู่เหมือนกัน

               “ปาม” คือคนที่ผมชอบ จริงๆ ผมก็ชอบของผมมานานแล้วละครับ ตั้งแต่สมัยที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่ว่าคนละห้องเท่านั้นเอง ทางนั้นเขาฮ็อตมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เต็มไปด้วยสาวๆ มารุมล้อมแบบสุดๆ ไปเลย เพราะเขาเป็นเพอร์เฟคต์แมนคนหนึ่งเลยละครับ รูปหล่อ หุ่นดี ผิวขาว หน้าตาพิมพ์นิยมสุดๆ แถมยังเก่งไปหมดทุกด้าน ราวกับว่าชาติที่แล้วไม่เคยทำบาปทำกรรมอะไรมาเลย ก็เลยสุขสบายมาขนาดนี้ เป็นทั้งนักดนตรี นักกีฬา ผมชอบเขามานานมากๆ จริงๆ แต่ตอนนั้นผมทั้งอ้วน ทั้งดำ คือดูไม่ดีจนแค่รู้สึกว่าชอบฝ่ายเดียวยังไม่เหมาะสมเลย ตอนม.6 ผมเลยเอาช่อดอกไม้กับจดหมายรักฝากเพื่อนไปให้เขา ในวันปัจฉิม แล้วก็ทำได้แค่เพียงยืนมองห่างๆ เท่านั้น ไม่แม้กระทั่งไปทักทายหรือว่าบอกลาอะไร

               พอเข้าเรียนมหาลัย ผมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เฝ้ามองเขาใช้ชีวิตผ่านโลกโซเชียลที่ยังคงเต็มไปด้วยความฮ็อตแบบสุดๆ เป็นนักดนตรีร้านบาร์ เป็นนักกีฬามหาลัย ผมเองเอาเขาเป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่าจะไม่ชอบเลยก็ตาม เริ่มเข้าฟิตเน็ส เริ่มออกกำลังกาย คุมอาหาร ลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมใช้เวลา 4 ปีจนจบปริญญาตรี ลดน้ำหนักจาก 130 โล เหลือแค่ 70 โล มันยากมากเลย แต่พอได้เห็นตัวเองในวันที่เปลี่ยนไป ใส่ชุดปริญญาเท่ๆ แล้วรู้สึกดีมากครับ ต่อให้จะไม่ได้เป็นแฟนเขา แต่ก็ขอบคุณที่เขาทำให้ผมเปลี่ยนตัวเองได้มากขนาดนี้ จนตอนนี้ผมเองก็เริ่มฮ็อตแล้วเหมือนกัน

               แต่ติดตรงโควิด นั่นทำให้ชีวิตที่กำลังจะสดใสร่วงกราวครับ ผมจำเป็นต้องกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อหาทำอะไรที่ไม่ได้หนักมากและไม่เสี่ยงมาก จนผมเองก็ช่วยที่บ้านซึ่งเป็นร้านขายอาหารซึ่งยอดขายก็ไม่ได้ดีมากนัก แต่รสชาติและฝีมือของแม่ที่ค่อนข้างดีทำให้ยังมีลูกค้าแวะเวียนมาบ้าง และในวันหนึ่ง ปามก็มาที่ร้าน นั่นคือครั้งแรกในรอบ 4 ปีกว่าๆ ที่เราได้เจอกัน และเป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกันด้วย

               “นี่ใช่คนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันป้ะ ?” เขาถาม

               “ใช่ จำได้ด้วยเหรอ ?”

               “จำได้” เขาเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้ม น้ำเสียง คำพูดต่างๆ ก็ยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม “ที่เมื่อก่อนอ้วนๆ ป้ะ ?”

               “บูลลี่”

               “เปล่า แค่บอกว่าจำได้ไง แค่ไม่รู้จักชื่อ”

               “ชินอ่ะ”

               “ชื่อชินเหรอ ?”

               “เปล่า…แค่ชินที่ไม่ค่อยมีใครจำได้” ผมพูดยิ้มๆ เขาดูนิ่งไปนิดหน่อย “หยอกๆ ชื่อชินนั่นแหละ”

               เราได้พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ ผมจะไปเสิร์ฟอาหารให้โต๊ะอื่นๆ กระทั่งตอนกลับ เขาก็เดินมาหาแล้วบอกกับผมว่า “เราเปิดสโลว์บาร์อยู่แถวๆ หน้าตึกสิระสุขอะ ว่างๆ ไปชิมกาแฟเรานะ เน้นกาแฟเลย เดี๋ยวลดให้”

               “ได้…” ผมยิ้มรับ แต่ผมไม่ใช่คนกินกาแฟ ทว่าเพื่อความใกล้ชิดแล้ว ผมก็ไปหาเขาทุกวัน กินกาแฟที่ไม่ชอบ เพราะอยากสนิทกับเขา ยิ่งนานวันเราก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น มีไปเที่ยวด้วยกันบางครั้ง กินข้าวด้วยกันบางที เราต่างไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จนมีคนแซวว่าเราแอบคบกัน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ แถมยังยิ้มกริ่มอีก นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า…ความเป็นไปได้มันก็พอมีอยู่

               จนกระทั่งวันที่ร้านปิด ผมไปหาเขาช่วงบ่ายๆ จนถึงเย็นเลย กระทั่งช่วยเขาเก็บบ้าน ไม่นานก็มีเคอรี่โทรมา ก่อนที่เขาจะหันมาหาผม

               “ไปบ้านเราก่อนดิ…มีกาแฟตัวใหม่มาส่ง อยากทำให้กิน”

               “ดะ ได้…” วินาทีนั้นผมตอบตกลงทันที ตื่นเต้นไปหมด ไม่ใช่เพราะกาแฟใหม่นะครับ…เพราะจะได้ไปบ้านเขาต่างหาก

               เขาพักอยู่คนเดียวที่ทาวเฮ้าส์ของน้า ที่ซื้อไว้เฉยๆ นั่นทำให้ความเป็นอยู่ของเขาสุขสบาย เขาโสด และเขาก็เป็นคนที่มีระเบียบมากๆ เขาชงกาแฟมาให้ผม ระหว่างที่ผมเดินดูใบประกาศของเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอกับตู้โชว์ตู้หนึ่ง ที่มีพวกของฝาก ของขวัญวางอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงไปกว่าเดิมก็คือช่อดอกไม้ของผมยังวางอยู่ตรงนั้น พอหันกลับไปเขาก็ถือกาแฟไว้แล้ว

               “ปาม…”

               “กว่าจะหาเรื่องชวนมาบ้านได้แทบแย่เลย…” เขาพูดแล้วส่งแก้วกาแฟให้ผม “ยังเหมือนในจดหมายนั้นอยู่ไหม ?”

               “มะ…เหมือน” วินาทีนี้ผมแทบจะปล่อยแก้วกาแฟหลุดมือ เผลอยกกินแบบไม่รู้ตัวจนมันลวกปาก ตัวสั่นไปหมด เขา…คิดอะไรกับผมกันแน่ ?

               “งั้น…คบกันนะ ?”

               “หือ…อุ๊บบบ” ผมยังไม่ทันพูดอะไรเลย เขาก็พุ่งเข้ามาแล้วจูบผมไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มกว้าง “รักษาแผล”

               “ทำไม ?”

               “รู้จักสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักป่ะ…ชินเป็นคนดี ทำตัวน่ารักอะ เราว่าตั้งแต่ตอนนั้นเราก็รู้สึกดีอยู่นะ ถ้าไม่ฝากดอกไม้มา มันคงไม่ต้องรอขนาดนี้”

               “ตอนนั้นเราอ้วน”

               “เราก็พาลดไง…ตอนนี้ชินก็ลดได้แล้วนี่” เขาเดินรุกเข้ามาจนผมต้องถอยหลังไปจนชนกับเคาน์เตอร์ครัว แล้วร่างกายนั้นก็บดแนบชิดเข้ามาจนผมสัมผัสได้ว่าส่วนอ่อนไหวของเขานั้นกับลังพยายามแนบชิดเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง “กาแฟนี้น่ะมันอร่อยนะ ตอนที่กินแบบนี้…” เขายิ้มแล้วดื่มกาแฟ ก่อนจะป้อนผมด้วยรสจูบที่อวลไปด้วยกลิ่นกาแฟ ซึ่งครั้งนี้เป็นจูบที่ดูดดื่มและยาวนานจนผมแทบขาดอากาศหายใจ

               “ปาม”

               “เราต้องการปามอะ…เราต้องรออีกเหรอ ?”

               ผมส่ายหน้า “ไม่…ไม่ต้องรอแล้ว เราก็รอมานานเหมือนกัน”

               เราจูบกันอีกครั้งอย่างเนิ่นนานกว่าเดิม แล้วจึงสลับตำแหน่งกันช้าๆ ผมค่อยๆ เลื่อนมือไปลูบไล้ส่วนอ่อนไหวนั้น ก่อนจะดึงกางเกงที่เป็นส่วนอุปสรรคลงจนสุด แล้วจึงได้เห็นสัดส่วนที่ปรารถนามาโดยตลอดตรงหน้า เขากระโดดขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์แล้วแยกขาออก ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มบ้าๆ นั่นแหละ ที่ทำผมคลั่งรักเขามาตลอดหลายปี

               “ทานให้อร่อยนะครับ”

               ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปรูดชักแก่นกายของเขาช้าๆ ไม่นานนัก ลำกายที่ขนาดใหญ่และหลับนิ่งอยู่นั้นก็เริ่มแข็งขืนชูชันขึ้นมาช้าๆ ผมรูดรั้งไม่กี่ครั้ง แล้วเลื่อนส่วนหุ้มลงมาจนสุด ใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสที่ส่วนปลายสีชมพูหวานซึ่งปรากฏตรงหน้า วาดไปรอบๆ รอยหยัก เลียไล้ตั้งแต่โคนขึ้นมาจนถึงส่วนปลาย จรดปลายลิ้นไปที่รูเสียวส่วนปลายจนเขาครางกระเส่า

               “ซี้ดดดดด…อืออออ เสียว แค่นี้ก็เสียวแล้ววว”

               เขาพูดแล้วยกสองขาขึ้น แยกเป็นตัวเอ็ม ผมสอดมือเข้าระหว่าขาทั้งสองข้างนั้น แล้วค่อยๆ อ้าปาก อมลำกายที่ใหญ่และแข็งขืนนั้นลงไปช้าๆ จนกระทั่งสุดความยาว แล้วเริ่มดูดกลืนส่วนอ่อนไหวนั้น ก่อนขยับหน้าเข้าออกอย่างถี่รัว

               “อ๊ะ อ๊า อ๊า….ซี้ดดดด เสียว อื๊ออออออออ…” เขาค่อยๆ จับหัวผมกดลงไปให้ค้างเอาไว้ในส่วนลึกสุด “คะ ค้างไว้ก่อน แบบนั้นแหละ อึ๊กกก อ๊าห์!!!”

               “อะ อ๊อกกก…” ผมดึงหน้าขึ้นมาทันทีพร้อมทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า “รู้ไหมว่ามันยาว…หายใจเกือบไม่ออก”

               “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราก็ผายปอดให้อยู่ดีแหละ” เขาลูบไล้ใบหน้าผมแล้วกดหัวผมลงช้าๆ อีกครั้ง “เอาล่ะ อมต่อไปสิ…กำลังเสียวเลย”

               ผมทำตามอย่างที่เขาบอกอย่างว่าง่าย

               จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบบบ

               “อ๊ะ อ๊ะ อ๊า อ๊า อ๊า…ซี้ดดดดดด” เสียงครางของเขา…คือความสุขของผมในตอนนี้