เรื่องเสียวเกย์ เล่าประสบการณ์เรื่องเสียวชายรักชาย เรื่องเล่าgay เรื่องเล่าgayจากทางบ้านบอกเล่าประสบการณ์ชายรักชายในมุมมองที่ต่างออกไป แหล่งรวมเรื่องเสียวเกย์ที่นี่ที่เดียว

ประสบการณ์เกย์ :: รักกลางไร่ส้ม ตอนต้น

               ชีวิตเด็กบ้านนอกอย่างผม ใครจะไปคิดกันล่ะ ว่าจะได้เจอความรักดีๆ กับใครเขาบ้างน่ะ แล้วใครจะไปคิด ว่าวันหนึ่ง ผมที่อยากมีเมียมาตลอดชีวิตกลับตกหลุมรักผู้ชายด้วยกันอย่างจังๆ นี่คือเรื่องราวประสบการณ์ความรักของผมที่เอามาแบ่งปันกัน และหวังว่าวันหนึ่งคุณจะได้เจอความรักดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณครับ

               ผมชื่อ “เกริก” เป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีโอกาสเรียนแค่พออ่านออกเขียนได้บ้างไม่ได้บ้าง ผมเรียนไม่จบป.6 ด้วยซ้ำ เพราะว่าที่บ้านจนมากๆ แต่ด้วยงานรับจ้างทำให้ต้องย้ายที่ทางไปเรื่อยๆ จนไม่มีเพื่อนกับใครเขา ผมเริ่มทำงานช่วยพ่อแม่มาตั้งแต่อายุ 12 ปี เขาให้ไปทำอะไรผมก็ไป ปลูกผัก ใส่ปุ๋ย พ่นยาฆ่าแมลง พออายุเข้า 15 ก็เริ่มหัดขับรถ รับจ้างไถที่บ้าง ขนของบ้าง ทำให้เริ่มมีรายได้เพิ่มมากขึ้น นั่นทำให้ผมเริ่มดูแลครอบครัวของผมได้ และหนีชีวิตจากบ้านไม้ใกล้ผุพังมาเช่าห้องอยู่ได้ อย่างน้อยความสะดวกสบายมันก็ต่างกัน

               ที่ห้องเช่า ผมรู้จักกับ “ลุงผล” แกเป็นผู้รับเหมางานสารพัดอย่าง และด้วยความที่เขาเห็นเชิงว่าผมเป็นเด็กขยัน สู้งานไม่ใจเสาะ เขาเลยลองจ้างผมไปทำงานด้วย ปรากฏว่าลุงผลชอบฝีไม้ลายมือในการทำงานของผม และชมผมเปราะเลย ว่าทำงานเหมือนผู้ใหญ่ทั้งๆ ที่อายุเพิ่ง 18 แท้ๆ และเพราะได้มาทำงานกับลุงผลนี่แหละ ผมเลยมีโอกาสได้รู้จักกับ “ไม้” ลูกชายของลุงผล ที่อายุเท่ากัน กำลังเรียนอยู่ชั้นม.6 วันหยุดเสาร์อาทิตย์ เขาชอบมาช่วยลุงผลทำงาน เราก็ค่อยๆ สนิทกันมากขึ้นจากการทำงานด้วยกัน แล้วความสนิทสนมของเราก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

               มันคือการใส่ใจที่ผมไม่เคยได้รับรู้ ไม้เป็นผู้ชายบอบบางต่างจากผมมากที่ทั้งเนื้อตัว หน้าตา ผิวพรรณก็กร้านแดด ส่วนเขาเป็นคนตัวเล็ก ผิวขาว รูปร่างดี หุ่นใกล้เคียงผม แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เหมาะกับงานที่ทำด้วยกันจริงๆ บางครั้งเราก็ไปรับงานนอกด้วยกัน บางทีหยุดยาวก็เหมางานข้ามจังหวัด ความสนิทสนมทำให้เราใส่ใจกันและกันมากขึ้น รู้ว่าแต่ละคนชอบอะไร รู้ว่าแต่ละคนไม่ชอบอะไร รู้ใจกันไปหมด จนลุงผลออกปากว่า “ถ้าไม้เป็นลูกสาวคงอยากให้แต่งงานกับผมไปแล้ว…” ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขินจนหน้าร้อนตอนได้ยินนี่แหละ ส่วนไม้ที่นั่งกินข้าวด้วยกันกลับเงียบไปซะอย่างนั้น โดยที่ผมไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร

               นับจากวันนั้น ไม้ไม่ได้มาทำงานกับผมร่วมเดือน เขาหายไปเลย พอผมไปหาเขา ก็บอกว่าติดเรียน การบ้านเยอะ นั่นทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรไปกวนใจเขา แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าการทำงานคนเดียวโดยไม่มีเสียงหัวเราะจากเขามันเหนื่อยกว่าปกติ กับข้าวที่ไม่ได้กินกับไม้ก็ไม่ได้อร่อยเหมือนเดิม จนวันเวลาผ่านไปอีกสองสามอาทิตย์ ไม้มารับงานกับผม เป็นงานพ่นยาฆ่าแมลงในสวนร่มประมาณ 30 ไร่ เหมา 1 วัน แต่พอฉีดไปสักพัก ฝนเริ่มลงเม็ด พวกผมเลยรีบขับรถไปหลบฝนที่กระท่อมที่ท้ายไร่ของเจ้าของสวนที่เขาใช้นอนเฝ้าสวนในช่วงเก็บเกี่ยวผล

               ข้างในกระท่อมมีแคร่แค่อันเดียว เรามานั่งเบียดกันบนแคร่เพราะต่างคนต่างเปียกปอนไประหว่างทาง ผมสังเกตว่าไม้ไม่ได้อยากคุยกับผม จนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว เป็นคนถามมันขึ้นมาก่อน

               “มีอะไรไม่สบายใจเหรอ หรือโกรธอะไรกู มึงไม่คุยกับกูเหมือนเมื่อก่อนนะ”

               “ก็ปกติดีนี่…”

               “ไม่อะ” ผมตอบ “กูไม่ชอบไม้คนนี้ กูชอบไม้ที่อารมณ์ดีมากกว่า”

               มันหันหน้ามามองผม “ทำไม…”

               “อะไรวะ?”

               “กูต้องเป็นผู้หญิงเหรอ พ่อถึงจะให้คบกับมึงอะ พ่อถึงจะยอมให้กูชอบมึงอะ…กูเป็นแบบนี้กูชอบมึงไม่ได้เหรอ ?”

               ใจผมเต้นแรงมาก ตอนที่มันถามแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ “เอ่อ…ไม้”

               “หรือไม่ว่ากูจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย…มึงก็ไม่ชอบอยู่ดีวะ ?”

               “……”

               “แต่กูแม่งชอบมึงว่ะ กูคิดมานานแล้ว คิดว่าถ้าไหนๆ จะไม่ต้องเจอมึงอีก ไหนๆ ก็จะถูกเกลียด บอกเลยดีกว่า ง่ายดี กูขี้เกียจมานั่งคิดมากแล้ว ช่างคนอื่น ช่างมึง ช่างพ่อกูด้วย กูชอบมึง อุ๊กกก…” ผมไม่ปล่อยให้มันพูดอีกแล้ว ในวินาทีนั้น ผมดึงท้ายทอยมันเข้ามาจูบทันที ร่างกายของเรานั่งเบียดกันด้วยความหนาวอยู่แล้ว ริมฝีปากบางๆ ของมันถูกผมบดจูบอย่างต่อเนื่อง สอดปลายลิ้นเข้าไปเกี่ยวตระหวัดกันอยู่นานราวกับจะขาดใจ ทันทีที่ถอนจูบออก ไอ้ไม้หน้าแดงก่ำเป็นลูกมะเขือเทศเลย

               “อย่าหายไปอีก…” ผมบอก “กูขอโทษที่ไม่ได้บอกมึง…กูโคตรคิดถึงมึงเลย ตอนที่กูต้องทำงานคนเดียว ตอนแรกแค่รู้สึกเหงา คิดถึงเพื่อน แต่ไม่ใช่…กูไม่ได้มองมึงเป็นเพื่อนกูมานานแล้วไม้”

               ไม้ขยับตัวมานั่งติดผมมากขึ้น มันโอบเอวผมไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบกับผมอีกครั้งหนึ่ง เนิ่นนาน นุ่มนวล ทว่าเร่าร้อน สายฝนกระหน่ำตก สายลมกระโชกแรงเหมือนหลังคากระท่อมมึงจากจะเปิงปลิวได้ตลอดเวลา ผมช้อนหน้ามันขึ้นมาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่างคนต่างกอดกายด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน แต่ภายในตัวกลับร้อนรุ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมพลั้งเผลอสอดมือเข้าใต้ชายเสื้อของมัน ไล่ลูบหน้าท้องที่กระเพื่อมไหวไม่เป็นจังหวะก่อนมันก่อนจะหยุดแล้วชักมือออก

               “ขะ…ขอโทษ”

               เป็นไม้ที่เอื้อมมือมาดึงมือผมไว้แล้วสอดมันกลับเข้าไปที่เดิม “ได้…ได้ทุกอย่างเลย ถ้าเป็นมึง”

               “ไม้…” สิ้นเสียงของมัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่อาจจะยับยั้งตัวเองและความรู้สึกได้อีกแล้ว เราจูบกันอีกครั้ง พร้อมๆ กับมือของผมที่ล้วงล้ำลงในกางเกงของมัน กอบกุมความเป็นชายที่เริ่มแข็งขึ้นมาสู้มือ เช่นเดียวที่ไม้ก็ค่อยๆ ลูบไล้ความเนินนูนภายนอกกางเกงแล้วสอดเข้าไปอย่างช้าๆ ผมยกตัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อถอดกางเกงออกไว้จนถึงเข่า เราสบตากัน ก่อนที่ไม้จะก้มลงมาอมให้ผมทันที

               “อาห์…ไม้ อึ๊ก…”

               ลิ้นของไม้พลิ้วไหวมากๆ จนตัวผมเกร็งด้วยความซ่านเสียว มือหนึ่งชักรั้งส่วนนอกให้เผยส่วนหัวออกมา ก่อนที่จะครอบปากลงมาอมและดูดอย่างหนักหน่วงจนผมเผลอร้องครางออกมา ไม้เคลื่อนใบหน้าขึ้นลงเป็นจังหวะพร้อมกับการดูดดุนอย่างต่อเนื่อง สลับกับการเลียไปรอบๆ โคนยาวและดอกเห็ด ก่อนสอดปลายลิ้นแทรกลงที่ร่องเสียวส่วนปลาย ผมกดลูบหัวของมันไปพร้อมๆ กับจังหวะการดูดดุนของมัน ก่อนจะกดลงจนมันอมดุ้นเอ็นของผมสุดความยาวแล้วกดค้างเอาไว้

               “อุ๊ก…อะ อ๊อกก!” มันถอนปากออกมาแล้วเงยหน้ามองผม ริมฝีปากเปื้อนเปรอไปด้วยน้ำลายหยดย้อย ผมดึงมันเข้ามาจูบครั้งหนึ่ง แล้วไม้ก็ลุกขึ้นไปคุกเข่าลงกับพื้น แทรกตัวเข้ามาที่หว่างขาของผม แยกขาผมออกพอประมาณแล้วจัดการครอบปากอมลงไปอีกครั้งหนึ่ง

               “อูยยย…ไม้ อาห์…สะ เสียว…เสียว…อ๊ะ” ผมหลับตาแน่น ใบหน้าคงเหยเกน่าดู เพราะการดูดของไม้เสียวมากจนผมแทบจะนั่งตัวตรงไม่ได้ ลมหายใจของผมหายหัวไปหลายวินาทีในตอนที่มันเน้นน้ำหนักดูดที่ส่วนหัว แล้วดึงปากออกจนเกิดเสียง “โบล๊ะ”

               มันมองหน้าผมแล้วยิ้มทะเล้น “ใหญ่จัง…”

               ผม…หยุดอะไรไม่ได้อีกแล้ว

               “