
นั่นคงเป็นความอดทนครั้งสุดท้ายของพ่อกับแม่ของ “มิน” แล้ว เพราะครั้งนี้เขาถูกส่งกลับมาเรียนต่อม.4 ที่ต่างจังหวัด เสมือนการดัดนิสัยเกเรของเขา ครั้งนี้เขาดันไปต่อยลูกผอ.จนเลือดกบปาก แล้วยังซ้ำคนล้มจนปางตาย สุดท้าย เขาก็ไม่ได้เรียนต่อ ทั้งๆ ที่เพิ่งขึ้นม.4 ได้แค่อาทิตย์กว่าๆ พ่อแม่เลยส่งมาเรียนที่บ้านนอกแทน ผมเป็นเพื่อนบ้านของเขา สนิทกันตั้งแต่เด็กๆ และจำได้ดีว่าเมื่อก่อนมินไม่ใช่แบบนี้ เขาเรียนกับผมมาตั้งแต่อนุบาลจนป.1 พ่อกับแม่ก็มารับไปอยู่กรุงเทพ มารู้อีกทีก็มีชีวิตหรูหราอู้ฟู่ไปเรียบร้อยแล้ว ขนาดบ้านที่นี่ยังรวยสุดๆ บ้านที่กรุงเทพคงไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้ว่าเพราะแบบนี้หรือเปล่า เขาเลยเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับที่ผมรู้จัก เขาโวยวายทันทีที่ลงรถ ดูเหมือนว่าป๋าเขาจะทำให้เขามีความสุขเฉพาะแค่ตอนเที่ยว ไม่ใช่การที่ต้องมาอยู่ถาวรแบบนี้…
บ้านของผมและมินห่างกันออกไปสองหลัง มีซอยเล็กๆ คั่นตรงกลางอีกหนึ่งซอย ด้านหลังเป็นคลองน้ำที่มีท่าน้ำให้นั่งเล่นสบายๆ ซึ่งผมก็ชอบมาลงข่ายดักปลา ทอดแหและปักเบ็ดที่นี่ แต่ครั้งนี้เปลี่ยนไป เพราะท่าน้ำโดนมินยึดไปแล้ว แถมเขากำลังนั่งสูบบุหรี่ควันฉุยอีกด้วย
“มานั่งสูบบุหรี่แบบนี้ยายไม่ว่าเหรอ ?” ผมทักไปแบบนั้น
“ไม่บอกก็ไม่รู้ป่ะ ?”
“แต่มันไม่เหมาะเท่าไหร่มั้ง ?” ผมพยายามยิ้ม ทำเสียงให้เป็นปกติ แต่กลายเป็นว่ามินดันบึ้งตึงใส่ผม
“คนบ้านนอกนี่เขาชอบเสือกเหรอ ?” มินตะคอกใส่ “อยู่ใครอยู่มันไม่ได้หรือไงวะ ?”
“ก็ไม่ได้อยากเสือกหรอก แค่เป็นห่วงตามประสาคนเคยรู้จักกัน”
“เคยรู้จักก็แสดงว่าตั้งแต่หมอยยังไม่ขึ้น…สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ ปัญญาอ่อน” พูดจบเขาก็ขว้างก้นบุหรี่ลงพื้น ก่อนจะยืนขึ้น เอาเท้าขยี้ แล้วเดินกระแทกไหล่ผมไป เอาเป็นว่าความหวังดีมันใช้ไม่ได้ แต่การมาแสดงท่าทีประสงค์ร้ายผมก็ไม่เอาเหมือนกัน ผมโยนแหลงพื้น แล้วคว้าไหล่เขาอย่างแรงจนมินหันกลับมา ก่อนจะเหวี่ยงร่างของเขาลงไปคลองทันทีดังตู้ม!
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย…” เขาสบทด่าผมอีกระรัวเป็นชุด เกาะเสาท่าน้ำไว้ ก่อนที่ผมจะยืนมองเฉยๆ แล้วยิ้ม ผมเองก็ไม่ใช่คนยอมคน คุมถิ่นนี้ได้ก็ถือว่าพอตัว ดังนั้นไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน จะมาเก่งที่นี่ไม่ได้
“ด่าไปเหอะ…เอาเป็นว่ากูจะไปบอกยายมึงแล้วกัน ว่ามึงสูบบุหรี่ ทำเหี้ยมาจากกรุงเทพนี่…มาเจอที่นี่จะรู้ว่ามึงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” พูดจบผมก็คว้าแหกับข่ายดักปลาแล้วเดินกลับทันที เพราะหมดอารมณ์แล้ว
“เดี๋ยว…มาช่วยกูก่อน”
ผมหันกลับไปทันที “ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ ?”
เขาดูสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็พยักหน้าด้วยท่าทีบึ้งตึงนั้น “เออ…”
“งั้นก็โชคดี จมน้ำตายไปเลย” ผมยักไหล่แล้วเดินต่อไปอย่างไม่แยแส แต่ปรากฏว่า เสียงมันเงียบไป ความกลัวมันตายเลยหันกลับไปมอง ปรากฏว่าโน่น…มันลอยน้ำไปโน่นแล้ว เกาะลูกมะพร้าวแล้วมองผมตาขวางแต่ก็เหมือนจะร้องไห้ สุดท้ายก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ แล้วกระโจนลงไปช่วยมันในที่สุด…
“ช่วยกูทำไม ?”
“อ้าววว…” ทันทีที่ช่วยมันขึ้นมาจากน้ำมันก็ปากดีเลย ผมละอยากจะซัดมันให้หน้าคว่ำจริงๆ ติดอยู่อย่างเดียว…ผมชอบมัน ผมน่ะ…แอบชอบมันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
มันคงจำอะไรไม่ได้หรอก ว่าก่อนที่มันจะไป เราสัญญากันเอาไว้ว่ายังไง “ถ้าโตขึ้นมาจะกลับมาแต่งงานกับผม” มันพูดแบบนั้น ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม มันคือคำพูดฝังหัวที่ผมไม่อาจจะลบมันทิ้งได้เลยจนตอนนี้ นั่นก็คงไม่แปลกสักนิด ที่ตั้งแต่เด็กจนขึ้นม.ปลาย ผมไม่เคยมีแฟน หรือไม่เคยชอบใครอีกเลย ไม่ว่าจะมีใครมาจีบผมแค่ไหนก็ตาม
“ก็มึงบอกให้กูช่วย…”
“กูก็พูดไปงั้นแหละ”
“งั้นก็ร่วงใหม่…”
“เดี๋ยวๆๆ” มันยกมือห้าม ก่อนจะล้วงเอาบุหรี่เปียกๆ จากกระเป๋ามาโยนทิ้ง ก่อนจะเดินกลับบ้านไป ไม่ทันจะลับหลัง มันก็หันมาพูดกับผมว่า “ขอบคุณนะ…มึงมันไม่เคยเปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลยจริงๆ”
ผมหันกลับไปมองมัน มันก็หันมายิ้มให้ผมเหมือนกันก่อนจะเดินกลับไป
เหมือนตอนนั้นงั้นเหรอ…งั้นก็แสดงว่า มันไม่ได้ลืมอะไรสักอย่างเลยน่ะสิ
ผมพยายามลบทุกอย่างในหัวทิ้ง แล้วก็จัดการลงไปทำมาหากินของผมต่อ เช่นกันกับทุกๆ วัน…แล้วในวันต่อๆ มาที่ผมมาหาปลา ไอ้มินก็มานั่งดูผมเงียบๆ ให้เหตุผลว่ามานั่งเล่น แล้วมันก็ไม่ได้สูบบุหรี่แล้ว ไม่รู้ว่ากลัวผมฟ้องยายหรือว่าอะไร แต่การมานั่งและมาเจอกันที่นี่ เราก็คุยกันมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะคุยกันมากแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าวกกลับไปที่คำสัญญาเลยแม้แต่น้อย
วันนี้ผมให้ปลามันสองตัว “ปลาช่อนเชียวนะ…เอาไปทำน้ำยาขนมจีนอย่างอร่อย” ผมบอก
“ทำให้กินดิ…”
“อ้าว…ไม่ไปทำเองวะ ?”
“ก็ยายบอกว่ามึงทำอร่อย”
“ปลาช่อนทำอะไรก็อร่อย ไม่เอาอะ วันนี้ขี้เกียจ” ผมบ่ายเบี่ยง “แต่ถ้าปลาช่อนกูกินได้เลยดิบๆ” พูดจบก็ยักไหล่แล้วเดินจากไป ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันจะรู้สึกยังไง แต่ผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะรู้ว่ามันจะไม่มีทางเกิดเรื่องของเราขึ้นอยู่แล้ว จนในคืนวันนั้น ที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ไอ้มินก็มาเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้ามาตัวนั่งลงบนเตียง
“ไง…”
“มาทำไม นี่มันสี่ทุ่มแล้ว” ผมถาม ปิดหนังสือลง “แม่กูก็กล้าเปิดประตูให้มึงเข้ามาเนาะ”
“แม่มึงนั่งสานแหอยู่นอกบ้านโน่น” มันพูด “ส่วนกูก็กลับมาตามสัญญา”
“หือ…”
“อ่ะ…” มันโยนสมุดบันทึกเก่าๆ เล่มหนึ่งมา มีรอยปลวกแทะไปแล้วด้วย ผมค่อยๆ เปิดออก ปรากฏว่าในนั้นมีภาพปกนิตยสารเล่มนึง ที่ถ่ายคู่ดาราชายหญิง ก่อนที่จะมีชื่อเขียนไว้ที่หน้าดาราสาวว่ามิน และดาราชายเป็นชื่อผม แล้วก็มีลายมือไก่เขี่ยของผมเขียนกำกับไว้ว่า กลับมาจากกรุงเทพเมื่อไหร่ มาเป็นเจ้าสาวให้เรานะมิน…
แม่งเอ๊ย…ผมเขียนอะไรแบบนี้ออกไปวะ แค่คิดก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกแล้ว
ผมเงยหน้ามองมัน “ถ้าลืมไปแล้วกูก็จะไม่แปลกใจ…”
“ลืม…ลืมว่าเคยสัญญาไปแล้ว เลยมาตามสัญญาไง” พูดจบมันก็ลุกมานั่งตักผมแล้วกอดคอผมเอาไว้ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพียงลมหายใจ “แล้ว…เป็นเจ้าสาวของเด็กบ้านนอกนี่แม่งต้องทำไงวะ ?”
ผมยิ้ม…อ่อยขนาดนี้กูไม่ปล่อยมึงแน่ “จะทำอะไรล่ะ…หรือว่าอยู่เฉยๆให้กูทำเองดี ?”
“แมนๆ ว่ะ ไม่เอาเปรียบใคร” พูดแค่นั้นผมก็รู้แล้วว่าผมต้องโดนอะไร มันไหลตัวลงไปอย่างเร็ว แล้วลงไปคุกเข่าทันทีตรงหน้าผมที่กำลังนั่งเก้าอี้อยู่ ก่อนมันจะหมุนเก้าอี้เล็กน้อย สอดร่างกายเข้ามาที่หว่างขาของผม แล้วค่อยๆ ลูบไล้ไปตามรูปร่างความเป็นชายที่เริ่มแข็งตัวขึ้นมาช้าๆ จนกระทั่งมันดันกางเกงบอลที่ผมใส่นอนขึ้นมา มือเรียวๆ ของไอ้มินค่อยๆ สอดเข้าทางขากางเกงแล้วล้วงแก่นกายที่ขยายตัวเต็มที่ออกมาตั้งโด่ตรงหน้าทันที
ผมหน้าแดงแปร๊ด หันหนีไปอีกทางด้วยความอาย ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง คนที่แอบชอบมาทั้งชีวิตจะมาทำอะไรหื่นๆ ตรงหน้ากันล่ะ ?
“ใหญ่อยู่นะ…”
“ใหญ่รอมึงไง…” ผมพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วก็กดหัวมันลงมาอมทันที “อย่าลีลาได้ป่ะ รอมาตั้งหลายปี…อึ๊ก อาห์!”
ร่างกายผมชาปลาบไปทั้งแถบ เมื่อแรงดูดของมินที่กระทำต่อส่วนนั้นของผมทั้งรุนแรงและรุกเร้า ทั้งดูด ทั้งดุน ปลายลิ้นหมุนวนไปรอบๆ มือก็ชักขึ้นลง รั้งส่วนปลายที่เสียวซ่านเอาไว้ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นชำแรกผ่านร่องเสียวนั้น แล้วดูดเน้นๆ ที่ส่วนหัว หมุนใบหน้าไปมาเพื่อช่วยเพิ่มความเสียวซ่าน
ผมเก็บความเสียวเอาไว้ ไม่อยากแสดงออกมามากเกินไป เพราะกลัวใครจะได้ยินเข้า แต่แรงดูดที่แสนพิเศษจากริมฝีปากของมินนั้นทำให้ผมแทบคลั่ง
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ…
เขาดูดอย่างแรง สลับกับใช้ปลายลิ้นไซ้ไปตามเรียวขา ส่วนบอลทั้งสองลูก และลากไปตามแนวยาวของแก่นกายที่แข็งตัวจนเจ็บหนึบ ก่อนจะเงยหน้ามองผมแล้วถามอย่างหน้าตายว่า “ชอบไหม…”
“ไอ้เวรนี่…กูจะคลั่งอยู่แล้ว ไม่ต้องดูดแล้ว เสียเวลา” ผมลุกขึ้นแล้วดึงไหล่มันขึ้นมาก่อนจะโยนมันลงบนเตียงทันที แล้วกระโจนตามลงไปทับร่างมันเอาไว้ เราจูบกันอยู่วูบหนึ่ง ก่อนที่ผมจะถามมันว่า… “เตรียมตัวมาแล้วใช่ไหม ?”
“ทุกอย่าง…” มันหัวเราะคิกคัก ก่อนที่ผมจะจัดการใช้จูบอุดปากมันทันที